ใต้ตาบวม ปัญหาถุงใต้ตา หรือ "ตาโหล" เป็นปัญหาความงามที่ใครหลายคนกังวล ทำให้ดูเหนื่อย โทรม ก่อนที่จะหาทางแก้ไข เราต้องเข้าใจสาเหตุที่แท้จริง และไขข้อเข้าใจผิดเกี่ยวกับใต้ตาบวมเสียก่อน
สาเหตุหลัก:
-น้ำส่วนเกิน: น้ำส่วนเกินสะสมใต้ตา ทำให้บวมพอง สาเหตุมาจากการนอนไม่พอ ภูมิแพ้ หรือโรคบางชนิด
-ริ้วรอยแห่งวัย: อายุที่มากขึ้น คอลลาเจนลดลง ผิวไม่กระชับ ทำให้ใต้ตาหย่อนคล้อย บวกกับไขมันที่สะสมตามวัย ยิ่งเสริมรูปลักษณ์ใต้ตาบวม
การศัลยกรรมใต้ตา หรือ Blepharoplasty เป็นศัลยกรรมความงามยอดนิยม ช่วยลดถุงใต้ตา และฟื้นฟูความอ่อนเยาว์ มีหลายเทคนิค แต่ละแบบมีข้อดี-ข้อควรพิจารณาต่างกัน
1. ศัลยกรรมใต้ตาแบบดั้งเดิม: วิธีนี้กรีดตามรอยพับธรรมชาติของเปลือกตา เพื่อเอาไขมัน ผิว และกล้ามเนื้อส่วนเกินออก เหมาะกับผู้ที่มีถุงใต้ตาใหญ่ หรือผิวหย่อนคล้อย
2. ศัลยกรรมใต้ตาแบบเยื่อบุตา: ต่างจากแบบดั้งเดิม วิธีนี้กรีดด้านในเปลือกตา ไม่ต้องกรีดภายนอก เหมาะกับผู้ที่มีผิวส่วนเกินน้อย แต่อยากกำจัดหรือปรับรูปทรงไขมันใต้ตา
3. ศัลยกรรมใต้ตาด้วยเลเซอร์: ใช้เลเซอร์ในการผ่าตัด ช่วยลดเลือดออก และกระชับผิวรอบดวงตาได้ด้วย
4. การย้ายไขมัน: บางกรณี แทนที่จะเอาไขมันใต้ตาออก อาจย้ายไปเติมเต็มร่องลึกบริเวณอื่นบนใบหน้า เพื่อให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติ
5. วิธีแบบไม่ผ่าตัด: นอกจากการผ่าตัด ยังมีวิธีลดถุงใต้ตาแบบไม่ผ่าตัด เช่น การฉีดฟิลเลอร์ หรือใช้คลื่นวิทยุกระตุ้นคอลลาเจน เหมาะกับผู้ที่มีปัญหาใต้ตาเล็กน้อย
ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมใต้ตา ควรปรึกษาแพทย์ศัลยกรรมตกแต่งผู้เชี่ยวชาญ แพทย์จะประเมินความเหมาะสม เลือกเทคนิคตามโครงสร้างใบหน้า ผลลัพธ์ที่ต้องการ และสุขภาพโดยรวม การเข้าใจเทคนิคต่างๆ ช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะกับเป้าหมายความงามของคุณได้อย่างมั่นใจ
|