[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
โรงเรียนวชิรานุกูล
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ฝากข้อความ
ชื่อ :
ข้อความ

Close
:) :D :(
:o :p ;)
:| x( :~
(ตัวแสดงอารมณ์)

link banner
e-Learning

พยากรณ์อากาศ
 


  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
วิโรจน์ เผยส่วยสติกเกอร์พัวพันถึงอัยการแก้สำนวนฟ้อง  VIEW : 285    
โดย 99

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 665
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 20
Exp : 92%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 149.28.146.xxx

 
เมื่อ : ศุกร์์ ที่ 9 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2566 เวลา 13:05:18    ปักหมุดและแบ่งปัน

นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดเผยภายหลังนำเอกสารหลักฐานเกี่ยวกับส่วยรถบรรทุกมอบให้ พลตำรวจเอก วิสนุ ปราสาททองโอสถ จเรตำรวจแห่งชาติ เพื่อตรวจสอบกรณีส่วยทางหลวง เมื่อวันพฤหัสบดี (8 มิ.ย.) ว่า เรื่องส่วยสติกเกอร์นี้มีความเป็นไปได้ว่ามีอัยการเข้ามาพัวพันด้วย

ว่าที่ ส.ส. พรรคก้าวไกลรายนี้ เผยอีกว่า เอกสารที่รวบรวมมาให้จเรตำรววจแห่งชาติมีข้อมูลเบาะแสเบื้องต้นที่รวบรวมมาจากพลเมืองดี ร่วมกับสหพันธ์การขนส่งฯ รวบรวมมาด้วย ซึ่งการพูดคุยครั้งนี้ ได้รับการประสานงานที่ดีจากทั้งจเรตำรวจและตำรวจสอบสวนกลาง ข้อมูลส่วนใหญ่เป็นเบาะแสปลายทาง การสอบสวนขยายผลต้องให้ตำรวจดำเนินการเชื่อว่าทำได้ดีกว่า และตำรวจคงมีข้อมูลไปไกลแล้ว แต่วันนี้นำข้อมูลมาให้เพื่อทวนสอบข้อมูลว่าครบถ้วนตรงกันหรือไม่

นายวิโรจน์ กล่าวว่าตนหวังว่าการหาผลประโยชน์หรือเรียกรับผลประโยชน์ การรังควานกลั่นแกล้งผู้ประกอบการที่สุจริตจะต้องทุเลาเบาบางหรือหมดไป และหวังว่านอกจากส่วยสติกเกอร์แล้ว ปัญหาการเรียกรับผลประโยชน์อื่นๆ เช่น โรงโม่หิน บ่อดิน บ่อทราย ผู้ค้าขายหินทรายซึ่งสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย ก็จะต้องถูกดำเนินคดี และยึดใบอนุญาตประกอบกิจการโรงงาน (ร.ง.4)

เชื่อมีอัยการมาเกี่ยวข้อง

ส่วนการค้าสำนวนของพนักงานสอบสวนบางคน ที่ทำสำนวนเรียกรับผลประโยชน์ เช่น รถบรรทุกบางคัน บรรทุกน้ำหนักเกินเพียง 100-200 กิโลกรัม วิญญูชนทั่วไปคงเข้าใจได้ว่าไม่มีเจตนาทำผิดกฎหมาย เพราะน้ำหนักจะเกินแต่ละครั้งต้องเกินเป็นตัน แต่พนักงานสอบสวนบางคนเอาส่วนนี้ใส่ไว้ในสำนวน เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ และสร้างสัญญาเช่าเท็จจากคนขับรถเปลี่ยนเป็นคนเช่ารถ เพื่อให้รถไม่ต้องถูกยึด

นายวิโรจน์ เผยว่า ไม่เพียงแค่ตำรวจเท่านั้น แต่เรื่องนี้ยังพัวพันไปถึงอัยการบางคน เช่น การที่คดีความไปถึงศาลชั้นต้น พิพากษาโทษปรับ แต่อัยการยังยื่นอุทธรณ์เพื่อให้รถโดนยึด กลับกัน บางกลุ่มบรรทุกเกินเป็นตันก็มีอภินิหารให้โดนเพียงลหุโทษได้ รถคันหนึ่งราคา 3-4 ล้านบาท หากโดนยึดเพราะบรรทุกน้ำหนักเกินเพียงไม่กี่กิโลกรัมอาจไม่เป็นธรรม อาจต้องไปตรวจสอบกฎหมายและแก้ไขอีกครั้งหนึ่ง แต่จะเหมารวมผู้ประกอบการว่าทำผิดกฎหมายทั้งหมดไม่ได้ เพราะหลายคนก็อยู่ในภาวะจำยอมต่อสภาพเพราะมีระบบแบบนี้เกิดขึ้นhttp://senky.net