[x] ปิดหน้าต่างนี้
Powered by ATOMYMAXSITE 2.5
โรงเรียนวชิรานุกูล
ยินดีต้อนรับคุณ บุคคลทั่วไป  
English Chinese (Simplified) Chinese (Traditional) French German Italian Japanese Korean Portuguese Russian Spanish Vietnamese Thai     
ค้นหา   
เมนูหลัก
ฝากข้อความ
ชื่อ :
ข้อความ

Close
:) :D :(
:o :p ;)
:| x( :~
(ตัวแสดงอารมณ์)

link banner
e-Learning

พยากรณ์อากาศ
 


  

   เว็บบอร์ด >> ห้องนั่งเล่น >>
กัณวีร์ ลั่นกลางสภาฯ ไม่อาจลดเกียรติ-คว่ำเสียงประชาชนไปโหวตให้เศรษฐา  VIEW : 270    
โดย 99

UID : ไม่มีข้อมูล
โพสแล้ว : 666
ตอบแล้ว :
เพศ :
ระดับ : 20
Exp : 94%
เข้าระบบ :
ออฟไลน์ :
IP : 38.54.16.xxx

 
เมื่อ : อังคาร ที่ 22 เดือน สิงหาคม พ.ศ.2566 เวลา 19:05:41    ปักหมุดและแบ่งปัน

นายกัณวีร์ สืบแสง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม กล่าวระหว่างการพิจารณาเพื่อโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันอังคาร (22 ส.ค.) ว่า จะไม่ขอลดเกียรติและทำลายความต้องการของประชาชนไปออกเสียงสนับสนุนนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

"ทุกท่านที่เป็นสมาชิกสภาอันทรงเกียรติแห่งนี้ทราบกันดีครับว่าการโหวตสวนมติพรรคการเมืองเป็นเรื่องใหญ่เพียงใด แต่ในกรณีนี้ที่ท่านพยายามทำกันอยู่นี้ คือ การโหวตสวนมติของมหาชนโดยส่วนมาก ย่อมเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงยิ่งกว่าการโหวตสวนมติของพรรคการเมือง และผมคงไม่สามารถที่จะยอมลดเกียรติของผมเองที่ได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้ความเห็นชอบกับคุณเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรีได้" นายกัณวีร์ กล่าว

นายกัณวีร์ พูดต่อไปว่า ตนไม่มีปัญหาส่วนตัวหรือกับนายเศรษฐาหรือข้องใจต่อคุณสมบัติของนายเศรษฐา แต่ยืนยันว่าการโหวตให้นายเศรษฐาโดยที่มี 2 พรรคลุง คือ พรรคพลังประชารัฐและพรรครวมไทยสร้างชาติอยู่ในรัฐบาลนั้นเป็นการไม่ทำตามความต้องการของประชาชนที่ต้องการเปลี่ยนรัฐบาล ไม่ได้ต้องการให้มีรัฐบาลจากกลุ่มเดิม

การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งนี้หากเกิดขึ้นจะเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 ก.ค. ที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ จากพรรคก้าวไกล ที่ชนะการเลือกตั้งถูกเสนอชื่อ แต่กลับได้รับเสียงสนับสนุนไม่ถึง 50% ของสมาชิกรัฐสภาที่มีอยู่

ต่อมามีการนัดโหวตอีกครั้งเมื่อวันที่ 19 ก.ค. แต่กลับถูกขัดขวางด้วยการอ้างว่าข้อบังคับการประชุมร่วมของรัฐสภาข้อที่ 41 ไม่ให้เสนอญัตติซ้ำในสมัยประชุมเดียวกัน ทำให้มีการโหวต ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่เห็นว่าการเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงญัตติหนึ่ง จึงเสนอซ้ำไม่ได้ ทำให้การโหวตครั้งที่ 2 ไม่เกิดขึ้น

หลังจากนั้น พรรคก้าวไกลจึงส่งมอบการจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทยที่มีเสียงในสภาผู้แทนราษฎรเป็นอันดับ 2 แต่ต่อมาพรรคเพื่อไทยขับพรรคก้าวไกลออกจากแนวร่วมโดยอ้างว่าเป็นอุปสรรคต่อการรวมเสียงจากพรรคการเมืองขั้วรัฐบาลเดิม ทำให้ 8 พรรคที่ร่วมเซ็นบันทึกความเข้าใจ (เอ็มโอยู) ในการจัดตั้งรัฐบาลนั้นต้องแยกทางกัน และพรรคเพื่อไทยจึงหันไปจับมือกับพรรคร่วมรัฐบาลเดิม ที่มีพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคภูมิใจไทย รวมอยู่ด้วยhttp://sanjacintorecords.com